โรคภูมิแพ้ Allergy คืออะไร
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีหน้าที่ที่จะจดจำสิ่งแปลกปลอมที่จะทำร้ายร่างกายเรา เช่นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสโดยการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นต่อสู้กับเชื้อโรค โรคภูมิแพ้เป็นภาวะที่ภูมิของร่างกายมีปฏิกิริยากับโปรตีนหรือสารก่อภูมิแพ้ allergen จากสิ่งแวดล้อมซึ่งปกติจะไม่มีอันตรายสำหรับผู้ที่ไม่แพ้ ปฏิกิริยานี้เริ่มเมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดการสร้างภูมิที่เรียกว่า IgE antibody ตัว antibody นี้จะกระตุ้น Mast cell ให้มีการหลั่งสาร Histamin ขึ้นที่เนื้อเยื่อต่าง เช่น ผิวหนัง ปอด จมูก ลำไส้ ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ อาการแสดงจะเกิดตามอวัยวะต่างๆ เช่นลมพิษที่ผิวหนัง คัดจมูก แน่นหน้าอกเนื่องจากหอบหืด บางรายอาจจะรุนแรงถึงกับเสียชีวิตได้ Anaphylaxis shock
คนเราเป็นภูมิแพ้ได้อย่างไร
เนื่องจากเกิดโรคภูมิแพ้เป็นจำนวนมากจึงได้มีการวิจัยหาสาเหตุของโรคภูมิแพ้
- กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว เช่นพ่อแม่ พี่น้อง ก็จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่าย เด็กชายเป็นมากกว่าเด็กหญิงหากพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้เด็กจะเป็นภูมิแพ้ได้ร้อยละ 30 แต่หากทั้งพ่อและแม่เป็นภูมิแพ้เด็กจะมีโอกาศเป็นโรคภูมิแพ้ร้อยละ 50-60
- สิ่งแวดล้อมของเด็กในขวบปีแรกสำคัญมาก การสัมผัสควันบุหรี่ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ สะเก็ดรังแคสัตว์ การใช้ยาปฏิชีวนะ การรับประทานอาหารสำเร็จรูป เหล่านี้จะทำให้เกิดโรคภูมิแพ้
- การติดเชื้อไวรัสในวัยเด็ก การที่มีเชื้อ lactobacillus ในลำไส้หรือการอาศัยใกล้ฟาร์มสัตว์จะลดอุบัติการณ์ของภูมิแพ้
การหลีกเลี่ยงหรือนำสิ่งที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ออกจากสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวเป็นการรักษาที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคภูมิแพ้ ซึ่งจะทำให้ลดอาการของโรคภูมิแพ้และลดปริมาณการใช้ยา
ทำไมคนในเมืองถึงเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นพบว่าปัจจัยที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมจากสังคมชนบทเป็นสังคมเมือง
- คนในเมืองอยู่บ้านมาก ติดเครื่องปรับอากาศ ไม่ออกกำลังกายทำให้ร่างกายอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
- เด็กกินนมแม่น้อยลง ผู้คนรับประทานอาหารจานด่วนมาก ทำให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน และได้รับสิ่งแปลกปลอมเข้ามามาก เช่น สี สารกันบูด
- คนนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้านเพิ่ม
- การตกแต่งบ้าน ติดตั้งพรมและติดเครื่องปรับอากาศทำให้อากาศถ่ายเทไม่ดี เชื้อไรฝุ่นเจริญได้ดี
- มลภาวะจากอุตสาหกรรม และการจราจร
- การสูบบุหรี่
โรคภูมิแพ้กับเห็ดหลินจือเกี่ยวข้องกันอย่างไร คำตอบก็คือเมื่อนักวิทยาศาสตร์เปิดเผยผลการตรวจสอบองค์ประกอบทางเคมีพบว่าเห็ดหลินจือมีสารสำคัญทางยาช่วยยับยั้งไม่ให้ร่างกายผลิตสาร ฮีสตามีน( Histamine ) ออกมา และสารดังกล่าวคือ
1. กลุ่มสารโพลิแซ็กคาไรด์( Polysaccharides )ออกฤทธิ์รวมกัน ช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิดบี-เซลล์ (B-cells) และทีเซลล์ (T-cells) ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างมากของ สารอิมมูโนโกลบูลิน ( lmmunoglobulin ) และ สารอินเตอร์ลิวคิน (Interleukins) ซึ่งเป็นตัวต่อต้านสารที่ทำให้แพ้ (Antiallergy )
2. กลุ่มสารไตรเทอร์ปินนอยด์ชนิดขม( Bitter Triterpenoids ) มีอยู่ประมาณ 100 ชนิดที่แตกต่างกัน และสารที่มีส่วนรักษาผู้ป่วยโรคภูมิแพ้คือกลุ่มสารกรดกาโน เดอริค ( Ganoderic acid A, B, C1, C2, D-K, R-Z ) และ กรดลูซิเดนิค ( Lucidenic acid ) จะทำหน้าที่เป็นตัวยับยั้งไม่ให้ร่างกาย ผลิตสารฮีสตามีนออกมา (Histamine–Release inhibition activity) รวมถึงกรดไขมันชนิดโอเลอิค(Oleic acid )และสาร ไซโคลอ็อกต้าซัลเฟอร์ ( Cyclooctasulfur ) ซึ่งก็มีฤทธิ์ต้านไม่ให้ร่างกายผลิตสารฮีสตามีนออกมาเช่นกัน
สรุป สารฮีสตามีน ( Histamine ) เป็นตัวปัญหา และถ้าเราสามารถยับยั้งไม่ให้ร่างกายผลิตสารฮีสตามีน ( Histamine ) ออกมา อาการแพ้ก็จะไม่ปรากฏหรือตุ่มคันตามตัวที่เคยมีก็จะหายไป เพราะฉะนั้นการใช้เห็ดหลินจือในผู้ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ก็คงเป็นเรื่องที่ทำได้เพราะเป็นการใช้ยาที่มีหลักการรองรับไว้